ภาพ "สวัสดีตอนเช้า" ที่หายไป... เบาะแสสุดท้ายก่อนพบเพื่อนบ้านวัย 59 สิ้นลมในห้องพัก

ภาพสวัสดีที่เงียบหาย: การจากไปที่ไม่มีใครคาดคิด

 

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุการเสียชีวิตของหญิงสูงวัยรายหนึ่งภายในห้องพัก ซึ่งการจากไปในครั้งนี้ได้สร้างความตกใจให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ได้รับภาพ "สวัสดีตอนเช้า" จากผู้เสียชีวิตเป็นประจำ

รายงานจากที่เกิดเหตุระบุว่า เจ้าหน้าที่พบร่างของ นางสมศรี (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี ในสภาพนอนหงายอยู่บนเตียง สภาพศพเริ่มขึ้นอืด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังพบซองยาสำหรับรักษาโรคประจำตัวของผู้เสียชีวิตวางอยู่ภายในห้องด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกี่ยวข้องกับอาการป่วยที่มีอยู่ก่อนแล้ว


ความเงียบงันจากภาพทักทาย

 

เรื่องราวการจากไปครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นจากความเงียบที่ผิดปกติของ "ภาพสวัสดี" ที่เคยถูกส่งมาทักทายในทุกเช้า เพื่อนบ้านคนสนิทให้ข้อมูลว่า ตนและผู้เสียชีวิตมักจะส่งภาพสวัสดีตอนเช้าให้กันเป็นประจำ แต่หลังจากวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ภาพทักทายเหล่านั้นก็หายไปอย่างไม่มีคำอธิบายใดๆ แม้จะลองส่งข้อความไปหาอีกครั้ง ก็ไม่มีการอ่านหรือตอบกลับ จนกระทั่งทราบข่าวร้ายในที่สุด

ลูกสาวของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับแม่คือวันที่ 4 สิงหาคม เช่นกัน โดยไม่ได้มีลางบอกเหตุใดๆ มีเพียงการนัดหมายกันว่าจะไปซื้อหลอดไฟเท่านั้น ก่อนจะขาดการติดต่อไปในที่สุด และเมื่อเธอเดินทางมายังห้องพักของแม่ ก็พบว่าแม่ของเธอนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงแล้ว


เบาะแสจากผู้ดูแลอาคาร

 

ขณะเดียวกัน ผู้ดูแลอาคารได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไม่ได้กลิ่นผิดปกติใดๆ จนกระทั่งช่วงสายของวันที่มีการแจ้งเหตุ จึงได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจากห้องพัก แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรในตอนแรก เพราะคิดว่าเป็นกลิ่นของปลาเค็มที่ตากไว้ตามปกติ ก่อนจะมารู้ความจริงเมื่อเห็นรถกู้ภัยเข้ามาในพื้นที่

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้ในขณะนี้ โดยได้มีการเก็บหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุ รวมถึงตัวอย่างดีเอ็นเอ เพื่อส่งไปตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาว่ามีบุคคลต้องสงสัยเข้าออกห้องพักดังกล่าวหรือไม่ โดยจะต้องรอผลการชันสูตรจากสถาบันนิติเวชอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อสรุปสำนวนคดีต่อไป


ในปัจจุบัน โรคประจำตัวในกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นปัจจัยสำคัญที่มักนำไปสู่การเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้ หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยคือ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หรือ ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ซึ่งในหลายกรณีผู้ป่วยอาจไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น การช่วยเหลือจากบุคคลใกล้ชิดจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังต้องรอผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการจากแพทย์นิติเวชเพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง การติดต่อสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ หรือการหมั่นไปเยี่ยมเยียน จึงเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความอุ่นใจและสามารถช่วยชีวิตได้ในหลายๆ กรณี

เรื่องราวนี้ทำให้เราตระหนักว่า แม้จะเป็นเพียงภาพทักทายประจำวันที่ส่งหากัน แต่เมื่อความเงียบเข้ามาแทนที่ ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงได้เสมอ คุณคิดว่าการสื่อสารกันเป็นประจำในยุคดิจิทัลเช่นนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงอายุได้หรือไม่?